Review NINTENDO DS LITE


Nintendo DS Lite นวัตกรรมใหม่ของ Nintendo ออกมาเพื่อแก้ไขข้อด้อยของ Nin DS รุ่นเดิม แต่สิ่งที่เหมือนกับรุ่นเดิมก็คือ CPU และการใช้งานทางโปรแกรมต่าง ๆ การเล่นเกม GBA การเล่นเกม Nin DS เหมือนเดิมทุกอย่างครับ ตรงนี้ผมจะไม่รีวิวน่ะครับ เพราะนี่คือการเปลี่ยนแปลงด้านดีไซน์น่ะครับ สำหรับ Nintendo DS Lite นี้จะวางจำหน่ายวันที่ 2 มีนาคม 2006 ที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นที่แรก จากนั้นประมาณเดือนพฤษภาคม 2006 ก็จะวางจำหน่ายที่อเมริกา แต่คนไทยอย่างเราไม่ต้องกลัวครับ วันแรกที่วางจำหน่ายที่ญี่ปุ่นก็คงมีร้านค้าในประเทศเราไปหิ้วมาขายกันแน่นอน วางตลาดวันแรกที่ญี่ปุ่นจำนวน 500,000 เครื่อง คาดว่าคนไทยเราน่าจะมีโอกาสได้จับจองพร้อม ๆ กับชาวญี่ปุ่นครับ ด้วยราคา 16,800 เยน หรือประมาณ 6 พันบาท แต่รับรองว่าราคาในไทยไม่ได้ราคานี้แน่ ๆ เลยจ้า

ข้อด้อยของรุ่นเดิมมีอะไรบ้าง พอแจกแจงได้ดังนี้
1. ตัวเครื่องใหญ่ หนา และก็หนัก ทำให้เวลาเล่นนาน ๆ แล้วเมื่อยมือได้
2. จอไม่สามารถปรับความสว่างได้
3. แบ็ตเตอรี่รุ่นเดิมใช้เล่นเกมได้ประมาณ 8 - 10 ชั่วโมง (สำหรับการเล่นแผ่นแท้) ส่วนรุ่น DS lite จะประมาณ 15-19 ชั่วโมง (สำหรับการเล่นแผ่นแท้)

สำหรับสีที่วางจำหน่ายในช่วงแรกนี้จะมีอยู่ด้วยกัน 3 สีครับ คือ สีขาวใส , สีน้ำเงินเข้มจัด และสีฟ้าสดใส ซึ่งภายในเดือนมีนาคม 2006 นี้ทั้งสามสีจะวางจำหน่ายครบแน่นอนครับ ทาง Nintendo กำหนดไว้ว่าในเดือนมีนาคม 2006 จะวางจำหน่ายเครื่อง DS Lite ถึง 1 ล้านเครื่องครับรับรองว่าถ้าเครื่องมีจำนวนเยอะนั้นปัญหาด้านราคานั้นน่าจะไม่แพงเกินที่ญี่ปุ่นจนเวอร์ไปนักครับ และขอรับรองว่าต้องมีสีที่ถูกใจกันซักสีแน่นอนครับ สำหรับตัวผมแล้วชอบสีขาวใสครับ ดูคล้าย ๆ กับพวก IPOD เลยนะเนี่ย


เท่าที่ดูแล้ว น่าจะมีคนชอบสีน้ำเงินเข้มกันเยอะ แต่บางคนก็บอกว่ารอสีดำดีกว่า ชอบสีดำ แต่ก็มีคนติ ๆ กันอีกว่า ไม่ชอบตัวเครื่องที่เป็นพลาสติกแบบเงา ๆ ดูเคลือบ ๆ วาว ๆ แบบนี้เลยเพราะมันจะทำให้เป็นรอยนิ้วมือง่าย เลอะง่าย และถลอกง่าย แต่มันก็มีข้อดีนะครับเพราะมันเป็นการเคลือบน่ะครับ ถึงเป็นรอยคราบมือคราบไคลก็จะทำให้เช็ดออกง่ายครับ ส่วนเรื่องการเป็นรอยนั้นไม่ว่าพลาสติกแบบไหนถ้าโดนขูดขีดก็เป็นรอยทั้งสิ้นครับ ผมคิดว่าการเคลือบให้เงา ๆ นี่มีผลดีมากกว่าผลเสียครับ ซึ่งเท่าที่ผมคิดดูนะครับในอีกเหตุผลหนึ่งในการที่เขาทำพลาสติกให้มีลักษณะมันวาว ๆ (เหมือน PSP ) ก็คงเพราะต้องการให้มันดูทันสมัยดูสวยงามเหมาะกับเครื่องเล่นในยุคนี้น่ะครับ

ภาพหน้ากล่องเครื่อง Nintendo DS Lite ครับ กล่องเล็กๆ น่ารักดีนะครับ



(อันนี้เป็นภาพของกล่องอีกด้านครับ)



(อุปกรณ์มาตรฐานที่แถมมาในกล่องครับ)

พอแกะกล่องออกมาก็จะพบกับอุปกรณ์มาตรฐานที่แถมมาในชุด ดังภาพ
1. ตัวเครื่อง Nintendo DS Lite
2. ปากกา Stylus สำรอง 1 ด้าม (ปกติจะอยู่ในตัวเครื่อง 1 ด้าม)
3. สาย Strap เอาไว้คล้องมือครับ
4. พลาสติกไว้ปิดรูช่อง Slot ของ GBA ครับ
5. หม้อแปลงไฟครับ 110v ครับ ต้องนำไปเสียบกับ 220v ก่อนนะครับสำหรับบ้านเรา และที่สำคัญนั้นหม้อแปลงนี่ใช้กับรุ่น DS รุ่นเดิมไม่ได้นะครับ ต้องของใครของมันนะครับ


พอเราใส่ตลับ Gameboy Advance ก็จะยื่น ๆ ออกมาลักษณะนี้น่ะครับ เพราะตัวเครื่องถูกทำให้เล็กลงน่ะครับเลยยื่นเลย นี่ถ้าใส่พวก Supercard หรือพวก M3 ละก็ยื่นกว่านี้อีกนะครับ (ยื่นมากๆ เลยละต้องรอพวก supercard กับ m3 รุ่นใหม่ๆ ละครับ) แต่ถ้าเราไม่ใส่พวกนี้ประมาณว่าเล่นแผ่นแท้ เราก็เอาพลาสติกที่แถมมาในชุดนั้นเสียบไปที่ช่อง Slot GBA แทนครับ ก็จะปิดสนิทพอดีเป๊ะ กันฝุ่นเข้าเครื่องได้ด้วยครับ สวยด้วยนะเนี่ย



สำหรับช่องใส่ปากกา Stylus นั้นก็มาอยู่ด้านข้างแทนครับ ซึ่งรุ่นเดิมจะอยู่หลังเครื่องครับ รุ่นนี้อยู่ด้านข้างเลย เวลาใช้จะได้หยิบง่ายเก็บง่ายครับสะดวกดีนะและปากกาก็จะยาวกว่าของรุ่นเดิมด้วยนะครับ ส่วนช่องใส่แผ่น DS ก็อยู่ด้านบนเหมือนเดิมครับ


พอเอา DS Lite มาวางบน DS รุ่นเดิม ก็จะเห็นความแตกต่างด้านขนาดและดีไซน์ครับ ซึ่งลักษณะของ DS lite นั้นจะดูเหลี่ยม ๆ มน ๆ เข้ารูปทรงดีครับ เหมือนงานนี้ถูกทำมาเพื่อแก้ไขข้อด้อยจริง ๆ ครับ ดูสิครับมันเหลี่ยมมนได้ที่จริง ๆ ครับ มันดูน่าถือขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย ดูภาพอย่างนี้แล้วอาจจะมองว่ามันไม่ได้เล็กกว่ากันเท่าไหร่นัก แต่ขอรับรองว่าเล็กกว่ากันเยอะเหมือนกันนะครับ เบากว่าด้วย แต่ผมคิดว่าคนที่ไม่รู้จักเครื่องเกมต้องคิดว่าเราพวกพวก talking dictionary แน่ ๆ เลย แต่ก็กำลังจะมี software ออกมานะครับ ดิกชันนารีเนี่ย มีภาษาไทยด้วยนะครับชื่อเกม The Original " POINT-AND-SPEAK " Phrasebook ไม่เชิงดิกชันนารีนะครับ เป็น software คู่มือสำหรับนักท่องเที่ยวนะครับ แต่ที่สำคัญคือมีภาษาไทยเนี่ยละครับ สุดยอดมากๆ

เอาละ เรามาทำความรู้จักกับ Nintendo DS Lite กันอีกเล็กน้อย
กับการเปรียบเทียบระหว่าง Ds Lite กับ DS รุ่นปกติ

Model Code :
DS Lite: USG-001
DS รุ่นปกติ : NTR-001(JPN)

SIZE :
DS Lite: 133.0x73.9x21.5มิลลิเมตร (เมื่อพับจอ)
DS รุ่นปกติ: 148.7x84.7x28.9มิลลิเมตร (เมื่อพับจอ)

น้ำหนัก (รวมทั้งปากกาและแบตเตอรี่):
DS Lite: 218 กรัม
DS รุ่นปกติ: 275 กรัม

ขนาดปากกาสไตลัส:
DS Lite: 87.55x4.99 มิลลิเมตร
DS รุ่นปกติ: 75.0x4.0 มิลลิเมตร

จอบน:
DS Lite:

3 นิ้ว transparent TFT color LCD โดยมีแสงสว่างจอปรับได้ 4 ระดับ,
ความละเอียดภาพ 192x256 พิกเซล, 0.24mm dot pitch, 260,000 สี
DS รุ่นปกติ:
3 นิ้ว semitransparent TFT color LCD,
ความละเอียดภาพ 192x256 พิกเซล, 0.24mm dot pitch, 260,000 สี

จอล่าง:
DS Lite:

3 นิ้ว transparent TFT color LCD โดยมีแสงสว่างจอปรับได้ 4 ระดับ,
ความละเอียดภาพ 192x256 พิกเซล, 0.24mm dot pitch, 260,000 สี
DS รุ่นปกติ:
3 นิ้ว semitransparent TFT color LCD,
ความละเอียดภาพ 192x256 พิกเซล, 0.24mm dot pitch, 260,000 สี

จะเห็นได้ว่าจอนั้นจะแตกต่างกันที่จอรุ่น DS Lite นั้นสามารถปรับความสว่างได้ถึง 4 ระดับครับ ซึ่งจะทำให้เราเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้นครับ ส่วนขนาดและความละเอียดของเม็ด pixel บนจอนั้นเท่ากันทุกอย่างครับ การแสดงสีก็เท่ากันด้วยนะครับ

พลังแบตเตอรี่
DS รุ่นปกติ:
6-10 ชั่วโมง
ชาร์ตแบตเตอรี่เต็ม : 4 ชั่วโมง

DS Lite:
ระดับความสว่างต่ำสุด: 15-19 ชั่วโมง
ระดับความสว่างต่ำ: 10-15 ชั่วโมง
ระดับความสว่างสูง: 7-11 ชั่วโมง
ระดับความสว่างสูงสุด: 5-8 ชั่วโมง
ชาร์ตแบตเตอรี่เต็ม : 3 ชั่วโมง
ข้อมูลการเปรียบเทียบเหล่านี้นำมาจากเว็บ ผู้จัดการออนไลน์ครับ ขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

และข้อได้เปรียบและถือเป็นการปรับปรุงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมนั่นคือแบ็ตเตอรี่ครับที่ทำให้เล่นได้มากกว่าเดิมถึง 2 เท่าเชียวครับ ทำให้เราเล่นเกมได้นานขึ้นเยอะเลยครับ คราวนี้การ Wi Fi แบบ online ในเน็ตแล้วเจอปัญหาพลังงานหมดเร็วนี่จะได้หมดไปเสียทีครับ เจ๋งจริง ๆ เลย และถ้าท่านใดเล่นด้วย supercard หรือ m3 แล้วละก็ แต่ก่อนถ้าเราเล่นบน DS ปกติจะประมาณ 3 - 4 ชั่วโมงแบ็ตก็จะหมด แต่คราวนี้ถ้าเล่นด้วย DS Lite ก็จะเพิ่มเวลาเป็น 7 - 8 ชั่วโมงเชียวครับ


นี่ก็เป็นภาพของปุ่มปรับระดับเสียงและช่องใส่ปากกา Stylus ครับ




นี่คือช่องใส่แบ็ตเตอรี่ครับ ถ้าเป็น DS รุ่นเดิมเราเปิดฝาช่องนี้แล้วก็ทำการ Flash Me ทางนี้ละครับ



สำหรับภาพนี้ก็เป็นการเปรียบเทียบกันระหว่างปุ่มของรุ่นเดิมกับรุ่นไลท์น่ะครับ จะสังเกตุได้ว่าปุ่ม D Pad นั้นจะลักษณะคล้าย ๆ กับปุ่มของจอยเครื่อง Revolution เลยครับ (คล้าย ๆ กับของ Gameboy Micro ด้วยนะ) และที่แตกต่างกันและโดนย้ายที่ก็คือปุ่ม Select และ Start นี่ละครับ ย้ายที่อยู่กันไปเลย และที่ย้ายแบบชัด ๆ เลยก็คือ ช่อง MIC น่ะครับ ย้ายไปอยู่กลางเครื่องเลยครับ ใต้จอด้านบนตรงบานพับน่ะครับ สามารถดูได้จากภาพบน ๆ จะเห็นน่ะครับ


คราวนี้เมื่อดูภายนอกแล้วก็มาดูภายในกันบ้างครับ
ผมไม่ได้แกะเองนะครับ


หลาย ๆ คนอาจจะบอกว่า " อืมม ดูแล้วอาจจะไม่ซื้อน่ะ DS Lite เพราะมันก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกับ DS รุ่นเดิมเท่าไหร่นัก ก็มีแค่เรื่องการดีไซน์เท่านั้นเองที่ดูจะแตกต่างและเกมก็ยังเล่นแบบเดียวกันเหมือนเดิม " ถูกต้องครับนั่นคือความคิดที่ถูกครับ แต่ถ้าท่านใดที่ชอบความแปลกใหม่ ความรู้สึกแบบว่าได้พกพาจริง ๆ ซักที และรวมเอาดีไซน์ของความทันสมัยละก็ DS Lite ก็เป็นตัวเลือกที่ดีเชียวครับ และสิ่งที่ทำให้ผมว่ามันรู้สึกแตกต่างและถูกใจผมมาก ๆ นั่นคือ หน้าจอนั่นเอง ปรับแสงได้เนี่ยละครับ ทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ ครับ ลองเปรียบเทียบดูจากภาพนี้นะครับ ภาพบนเป็นจอจาก DS รุ่นเดิม ส่วนภาพล่างเป็นจอจาก DS Lite ครับ

(ภาพจอบนเป็นของ DS ปกติ ภาพจอล่างเป็นของ Lite)



(ภาพชัดแจ๋วเลยใช่ไหมครับ แปลกตาเชียวละครับ)


(เป็นไงครับ เปรียบเทียบกับ PSP สว่างดีไหม)


ดูรีวิวเกม Nin DS

HOME